ชอบไวน์กินง่าย ไม่ชอบฝาด ไม่ชอบเปรี้ยว ไอ้ที่เค้าบอกอร่อยๆ เรากินไปก็ไม่ถูกใจ
ไวน์ขวดแพงๆบางทีไม่ถูกจริต แต่ถูกปากกับไวน์ถูกๆนี่ล่ะ
จะเอาอะไรมาวัดดีล่ะ ว่าไวน์แบบไหนคือไวน์ดีๆ
และจากที่ได้กินได้ลองถูกลองผิดมา ก็พบว่าอุณหภูมิมีผลกับรสจริงๆ
ไวน์แดงฝาดๆ ไปแช่เย็น ยิ่งฝาดยิ่งเปรี้ยว ส่วนไวน์ขาวที่ออกเปรี้ยว บางตัวแช่นเย็นแล้วความเปรี้ยวลดลง กินง่ายขึ้นก็เยอะ ส่วนไวน์แดงบางครั้งก็ต้องเปิดทิ้งไว้ให้อากาศเข้าไปก่อนถึงจะกินได้อร่อย
ไปกินข้าวกับเพื่อนหลายหนได้เจอไวน์ที่อร่อยถูกใจโดยบังเอิญ
แต่มันจะไปหาซื้อตามซุปเปอร์หรือร้านทั่วไปไม่ได้ หลายตัวล่ะ เลยว่าจะเก็บข้อมูลเอาไว้บ้าง
เผื่อไปเจอเข้าจะได้มีไว้อ้างอิง
ล่าสุดไปเจอไวน์แดงถูกปากโดยบังเอิญที่ร้าน Dolcetto
ปกติไม่ค่อยชอบไวน์แดงเท่าไหร่ แต่อันนี้ทานง่ายมักๆ
เป็นไวน์แดง ที่ไม่ให้ความรู้สึกแบบไวน์แดง (งงไหม? เอาเป็นว่าชอบล่ะกัน)
หาข้อมูลตั้งนานไม่เจอ ลองหาด้วย Testori ที่อยู่ใต้ขวดเลยเจอจังๆโดยบังเอิญ
เลยรู้ว่า Testori นี่คือชื่อผู้ผลิต
ไวน์นี้ราคาในเว็บเมืองนอกไม่แพงเลย ไม่ถึงห้ายูโรด้วยซ้ำ
(แต่ฉันจำไม่ได้ล่ะว่าตอนไปกินที่ร้านเท่าไหร่)
เป็นไวน์ตัวนึงที่ถูกใจและหวังว่าจะหาซื้อได้อีกนอกจากร้าน Dolcetto
Bonarda Oltrepò Pavese D.O.C. Frizzante
Produttore: Testori Quinto e Pietro
Annata: 2011
Regione: Lombardia
Vitigno: Croatina 100%
Affinamento:
Grado alcolico: 12,00 %
Bottiglia: 0,750 L.
Periodo di conservazione: 3 - 4 ann

อีกตัวที่ชอบคือไวน์ Moscato ของ Banrock Station
จำได้ว่าพนักงานที่่ฟู้ดแลนด์พัฒพงษ์แนะนำและเราก็ถูกใจ
แค่บอกว่าชอบไวน์กินง่ายไปเท่านั้น นานๆจะเจอพนักงานแนะนำได้ตรงจริตเรา
เป็นไวน์ออสเตรเลียดื่มง่าย คล้ายๆสปายแต่ละมุนกว่า ฟรุ้ตตี้ซ่านิดๆ
ไม่ถึงกับSparkling ตัวนี้ไม่กลัวเพราะซื้อง่าย มีทั้งวิลล่าและฟู้ดแลนด์ ถูกด้วย

ตัวต่อมา Villa Martina Pinot Grigio ได้กินที Pasta55
จำได้ติดใจเลยวันนั้นเจอเพื่อนๆสนุกมาก (รั่วมากและก็เมามาก)
เพราะไวน์ตัวนี้กินอรอ่ยกินเพลินเหลือเกิน
ต้องบอกว่าเป็นตัวแรกเลยมั้งที่กินแล้วปิ๊งมาก
แต่หาตัวนี้ยังไงก็ไม่เจอเลย
พอลองไปหา Pinot Grigio แบรนด์อื่นๆก็เจอ เปรี้ยวมั่ง
ไม่อร่อยมั่ง ที่พอจะแทนกันได้ก็เป็น Berlinger ล่ะนะ
ตัวนี้ยังหาซื้อไม่ได้เลย อยากกินอีกอ่ะ T_T
.jpg)
Villa Martina ของ Italy ส่วน Beringer ของ California
ถ้าเทียบกัน Beringer น่าจะดรายกว่า คนอื่นๆน่าจะชอบ Beringer แต่เราติดใจVilla Martina มากกว่า
.jpg)
ตัวต่อมาไวน์สามัญอีกตัวที่หาซื้อง่ายได้ตามซุปเปอร์ทั่วไป ราคาไม่แพงเป็นมิตรกับกระเป๋าตังค์
Hardy's Stamp of Australia
Riesling Gewurztraminer
เจ้านี่ทำให้เราสนใจที่จะลอง Riesling เพราะไปหาข้อมูลแล้วพบว่า
องุ่นสองตัวนี้จะได้ไวน์ออกหวาน ซึ่งก็จริงเพราะตัวนี้ออกหวานทานง่าย
แต่ถ้าดื่มไปซักพักจะว่ามันหวานไปนิด ต้องกินเย็นจัดๆถึงจะดี (กินเยอะออกจะเอียน)
.jpg)
จากนั้นก็ได้ลอง Riesling Nottage Hill ของ Hardy's ซึ่งลองแล้วไม่่ค่อยชอบเท่าไหร่ จำได้ว่ามันมีกลิ่นแปลกๆ ตัวNottage Hill ไม่ค่อยหวาน แต่กลิ่นน่าจะทำให้เราไม่ชอบ พอได้ไปอ่านบทความในเน็ทเลยรู้ว่ากล่ิ่นที่ว่าน่าจะเป็นกลิ่นน้ำมันก๊าดที่เขาว่าเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของมัน คือพอเทียบกับตัว Stamp of Australia กับตัวนี้แล้วเรากลับชอบตัวก่อนมากกว่า? แล้วราคามันครึ่งต่อครึ่งเลย ซื้อ Nottage Hill ขวดราคาเท่า Stamp สองขวด
อย่างว่าจะเอาอะไรมาตัดสินล่ะ นอกจากลิ้นและความชอบตัวเอง
วันนี้ไปฟู้ดแลนด์มาเลยสอย Blue Nun Riesling มาขวด อยากพิสูจน์อีกรอบ
และถ้าหาเจอจะลอง Gewurztraminer ด้วย ได้ชิมแล้วจะมาเขียนต่อ ;D
พอดีผมเป็นมือใหม่ อยากทราบว่า ไวน์แต่ละขวดจะรู้ได้ยังไงว่า ต้องเปิดขวดนานแค่ไหนถึงจะดื่มครับ
ตอบลบออกตัวก่อนว่าไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญค่ะ กินแต่ไวน์ธรรมดา ขวดหลายพันไม่เคยลองค่ะ นี่แอบตกใจมีคนมาอ่านด้วย จะตอบตามที่เรารู้สึกนะคะ
ลบเรื่องเปิดขวดนานแค่ไหน ของพวกเราส่วนใหญ่พอเปิดแล้วเราจะชิมกันก่อน ถ้ารู้สึกว่าฝาดไปหน่อย อาจจะทิ้งไว้ซักครึ่งชั่วโมง หรือชั่วโมงนึงค่ะ แล้วค่อยกลับมากินอีกที ส่วนใหญ่ความฝาดจะหายไป กินง่ายขึ้นอร่อยขึ้นค่ะ แต่ก็แล้วแต่ตัวนะคะ ความสนุกของการดื่มอย่างนึงคือการได้ดูการเปลี่ยนแปลงของไวน์ค่ะ
ที่จริงเราเป็นคนชอบไวน์ขาว ซึ่งไม่ต้องเปิดทิ้งไว้ก็ดื่มได้ค่ะ แต่ไวน์แดงอย่างพวก cabernet sauvignon หรือตัว Chianti เรามักจะเปิดทิ้งก่อนประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะ
เมื่อวานได้ลองขวดหนึ่ง ซื้อจากโลตัส ราคา 199 เปรี้ยวมากๆ ก็เลยรู้ตัวเลยว่าจริงๆแล้วเราชอบแบบ cabernet หรือฝาดนั่นเอง #เพิ่งรู้ตัว
ตอบลบ